Taobao 10 ความลับของวันตรุษจีน

Taobao10 เรื่องสุดพิเศษวันตรุษจีน-Taobaoland taobao Taobao 10 ความลับของวันตรุษจีน 10                                                                          Taobaoland 768x402

Taobao ในเทศกาลตรุษจีน ที่เป็นการเฉลิมฉลองของผู้คนมากกว่า 20% ทั่วโลกและเป็นวันหยุดที่สำคัญที่สุดของประเทศจีนและคนจีนทั้งหมด รวมทั้งคนไทยเชื้อสายจีนในประเทศไทย

บ้านเราเองก็มีการเฉลิมฉลองวันตรุษจีนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะย่านไชน่าทาวน์ ซึ่งในปี 2563 นี้ ตรุษจีนตรงกับวันที่ 25 มกราคม เป็นอีกเทศกาลที่คึกคักไม่แพ้วันขึ้นปีใหม่หรือวันสงการนต์ของไทยเลยทีเดียว

       วันนี้ Taobaoland มี 10 เรื่องน่ารู้ในวันตรุษจีน ที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจและพากันเฉลิมฉลองอย่างครึกครื้น มาดูกันว่าวันตรุษจีนจะมีความพิเศษและต่างจากเทศกาลอื่นอย่างไรบ้าง

1.ตรุษจีนตรงกับเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ

       เทศกาลฤดูใบไม้ผลิหรือเรียกว่าชุนเจี๋ย (chunjie) ที่แม้จะยังคงมีอากาศหนาว แต่วันตรุษจีนนี้ถือเป็นวันสิ้นสุดของวันที่หนาวที่สุด ผู้คนต่างต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่จะมาถึงและเป็นการเริ่มต้นของฤดูกาลเพาะปลูกและเก็บเกี่ยว นอกจากนี้ ยังเรียกได้ว่าเป็นวันปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติจีนและในอีกหลายประเทศอย่าง เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้และเวียดนาม ก็ได้มีการเฉลิมฉลองในวันนี้เช่นกัน

2.วันตรุษจีนไม่มีวันที่กำหนดแน่ชัด

        ตามปฏิทินจันทรคติ วันตรุษจีนจะตรงกับวันที่ 1 – 15 มกราคม (เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวง) ซึ่งจะไม่เหมือนกับวันหยุดของทางตะวันตก เช่น วันขอบคุณพระเจ้าหรือคริสต์มาส ซึ่งจะมีวันที่กำหนดแน่ชัดและตรงกันทุกปี แต่การคำนวณด้วยปฏิทินสุริยคติหรือปฏิทินสากลที่ใช้กันในปัจจุบัน (เกรกอเรียน) วันตรุษจีนจะเริ่มตั้งแต่ 21 มกราคมถึง 20 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตาม ปฏิทินจันทรคติยังคงสำคัญมากในประเทศจีน แม้ว่าจะเปลี่ยนไปใช้ปฏิทินสากลอย่างเป็นทางการเหมือนกับประเทศอื่นๆ ในโลกแล้ว แต่วันหยุดตามประเพณีและวันต่างๆ อย่างเช่น วันเหมายัน ก็ยังมีการเฉลิมฉลองและบางคนยังคงคำนวณวันเกิดและอายุตามปฏิทินจันทรคติอยู่เช่นเดิม

3.เป็นวันสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้า

         เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เดิมเป็นวันพิธีสวดอ้อนวอนพระเจ้า เพื่อให้เป็นฤดูแห่งการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวที่ดี  เนื่องจากในช่วงฤดูหนาวประเทศจีนจะมีหิมะปกคลุมไปทั่ว ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรได้และการเพาะปลูกนั้นเรียกได้ว่าเป็นวิถีชีวิตของชาวจีนเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ผู้คนยังเซ่นไหว้บรรพชนของพวกเขาด้วยเช่นกัน เป็นการปฏิบัติต่อบรรพบุรุษของตนเองเสมือนเป็นเทพเจ้า

4.เป็นวันต่อสู้กับปีศาจ

          ตามตำนานเล่าขานว่าทุกๆวันสิ้นปี จะมีปีศาจตัวหนึ่ง ที่มีชื่อว่า เหนียน () ซึ่งทำให้ผู้คนหวาดกลัว จึงมักซ่อนตัวอยู่ในบ้าน แต่แล้วก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีความกล้าหาญได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวนี้โดยใช้ประทัดจนสามารถเอาชนะมาได้ วันต่อมาผู้คนจึงเฉลิมฉลองให้กับการอยู่รอดของพวกเขาโดยการจุดประทัดขึ้นและกิจกรรมนี้ก็กลายเป็นส่วนสำคัญของวันตรุษจีนจวบจนถึงปัจจุบัน

5.ค่ำคืนแห่งการจุดประทัด

           ตามตำนานเกี่ยวกับปีศาจเหนียน เชื่อว่าประทัดและสีแดงเป็นสิ่งที่มันหวาดกลัวและไม่กล้ามาทำร้ายผู้คน ดังนั้นผู้คนจึงออกมาจุดประทัดในเวลาเที่ยงคืนของวันส่งท้ายปีและจุดประทัดในตอนเช้าอีกครั้งเพื่อต้อนรับปีใหม่และความโชคดี ในคืนเดียวกันนี้ แต่ละครอบครัวจะเผาเงินกระดาษและทองคำแท่งกระดาษ เพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้ล่วงลับ เช่นเดียวกับเทศกาลชูซอกของเกาหลีหรือประเพณีวันเม็กซิกัน ที่เป็นประเพณีเกี่ยวกับความตาย ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเครื่องบูชานี้จะนำโชคลาภและโชคดีมาให้บรรพบุรุษของพวกเขาในชีวิตหลังความตาย

6.เป็นเทศกาลที่ยาวนานที่สุด

           วันตรุษจีน มีช่วงเวลายาวนานถึง 15 วัน แต่การเฉลิมฉลองนี้ จะเริ่มต้นตั้งแต่วันส่งท้ายปีเก่า รวมแล้วเป็น 16 วันตามประเพณี ชาวจีนจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและจะสามารถออกไปเที่ยวข้างนอกได้หลังจากวันที่ 5 เป็นต้นไป ดังนั้นในเดือนธันวาคม ผู้คนจะออกมาจับจ่ายใช้สอยและเริ่มตกแต่งบ้านเรือนของตนเอง หาซื้อวัตถุดิบทำอาหาร ขนม ของขวัญ เสื้อผ้าและอื่นๆ เรียกว่า เทศกาลล่าปาเจี๋ย ซึ่งเป็นเหมือนวันโหมโรงก่อนถึงวันตรุษจีน รวมแล้วมีการเฉลิมฉลองกว่า 40 วัน

7.วันตรุษจีนทำให้เกิดการอพยพของผู้คนทั่วโลก

           ส่วนที่สำคัญที่สุดของตรุษจีนคือการรวมตัวของครอบครัว ทุกคนจะกลับบ้านเพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกันในวันส่งท้ายปีเก่ากับครอบครัว ซึ่งพ่อแม่และผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชนบท ขณะที่ลูกหลานจะเข้าไปทำงานหรือเรียนในเมือง ในช่วงตรุษจีนนี้ จึงเกิดสงครามการซื้อตั๋วรถไฟ ที่มีสถิติการซื้อตั๋วรถไฟประมาณ 1,000 ใบต่อวินาทีเลยทีเดียว

8.ข้อห้ามในวันตรุษจีน 

          ชาวจีนไม่นิยมให้ทำความสะอาดและทิ้งขยะก่อนวันที่ 5 และยังมีข้อห้ามอื่นๆ อีก เช่น ห้ามตัดผม (ก่อนวันที่ 2 กุมภาพันธ์) ห้ามใช้กรรไกรหรือของมีคมอื่นๆ ห้ามโต้เถียงหรือสาบาน ห้ามพูดคำหยาบเพราะเชื่อว่าจะเป็นการล้างความโชคดีออกไปและไม่เป็นมงคล ในทางตรงกันข้ามในวันก่อนตรุษจีน 1 วัน จะเป็นวันทำความสะอาด เพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไปและพร้อมต้อนรับสิ่งดีๆ ที่จะเข้ามา

9.อั่งเปา

           ในวัฒนธรรมอื่น เด็กๆ มักจะได้รับของขวัญหรือมีการแลกของขวัญกัน แต่สำหรับชาวจีน เด็กๆหรือผู้ที่มีอายุน้อยกว่าจะได้รับของขวัญเป็นอั่งเปา ซึ่งจะเป็นเงินที่อยู่ในซองสีแดง โดยเชื่อกันว่าเงินจะช่วยโอนโชคลาภจากผู้เฒ่าผู้แก่ไปยังลูกหลาน รวมทั้งเจ้านายก็จะมอบให้แก่พนักงานและเพื่อนร่วมงานด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบัน จึงเกิดเทรนด์กระเป๋าเงินดิจิทัลสีแดง (Digital Red Pockets) ผู้คนชอบที่จะส่งเข้าไปในกลุ่มแชทและดูคนอื่นๆ ในกลุ่มต่อสู้เพื่อแย่งเงินดิจิทัลนี้กันอย่างสนุกสนาน

10.ส่งท้ายวันตรุษจีนด้วยเทศกาลโคมไฟ

            พระจันทร์เต็มดวงแรกของปี (จันทรคติ) คือเทศกาลหยวนเซียวหรือเทศกาลโคมไฟ แม้ว่าครอบครัวจะยังคงมีความสำคัญ แต่วันนี้ก็ยังคงเป็นค่ำคืนแห่งการสังสรรค์และอิสรภาพ เนื่องจากในสมัยโบราณ หญิงสาวจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเพียงลำพัง แต่ในคืนนี้พวกเขาสามารถออกไปพบปะสังสรรค์ เดินชมพระจันทร์และชมโคมไฟที่สวยงามได้ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่รู้จักในนามวันวาเลนไทน์ของประเทศจีนนั่นเอง

           นอกจากนี้ในวันตรุษจีน ชาวจีนจะตกแต่งบ้านเรือนด้วยสีแดง ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟ การตัดกระดาษสีแดงเป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งหมายถึงความโชคดีและร่ำรวย รวมทั้งยังนิยมสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงอีกด้วย ก่อนถึงวันตรุษจีนปีนี้ เลือกซื้อสินค้าจากจีนในแพลตฟอร์มออนไลน์ใน Taobao Tmall และ 1688 ด้วย Taobaoland (สั่งของจากจีน ง่ายๆแค่นิ้วคลิก) เพื่อเตรียมตัวต้อนรับวันตรุษจีนได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 5 มกราคม 2563 ก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวของจีนถึงสิ้นเดือนมกราคม

ที่มา: 21 Things You Didn’t Know About Chinese New Year