สินค้าจากจีน 7 เรื่องเล่า กับที่มาของไอศกรีมแสนอร่อย

สินค้าจากจีน 7 เรื่องเล่ากับที่มาของไอศกรีมแสนอร่อย-taobaoland สินค้าจากจีน สินค้าจากจีน 7 เรื่องเล่า กับที่มาของไอศกรีมแสนอร่อย                                            web 0 768x402

สินค้าจากจีน  มีนาคม เดือนเริ่มต้นฤดูร้อน ใครหลายคนอาจมีวิธีจัดการกับความร้อนแตกต่างกันไป แต่วิธีเบสิคที่คนทั่วโลกนิยมทำไม่ต่างกัน คือการรับประทานไอศกรีมเย็นฉ่ำที่แสนอร่อย

แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ไอศกรีมแสนอร่อยที่เรานิยมรับประทานกันมานานแสนนานนั้น เดิมทีมีที่มาจากหิมะ ซึ่งมีลักษณะเป็นเกล็ดน้ำแข็งใส นำมาราดหน้าด้วยน้ำเชื่อมและผลไม้สด บางประเทศถือว่าการรับประทานไอศกรีมเป็นการทำให้สุขภาพของผู้ป่วยดีขึ้นด้วย ต่อมาภายหลังไอศกรีมหิมะ ได้ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นไอศกรีมเจลาติน ไอศกรีมโยเกิร์ต ไอศกรีมผลไม้ ฯลฯ

วันนี้ Taobaoland จึงได้รวบรวมตำนานที่น่าสนใจของไอศกรีมใน 7 ประเทศทั่วโลกมาฝากกัน ดังต่อไปนี้

กรีกโบราณ ในช่วงศตวรรษที่ 5 ชาวกรีกโบราณ นำเอาหิมะมาผสมกับน้ำผึ้งและผลไม้ โดยฮิปโปเครติส บิดาแห่งการแพทย์ ได้แนะนำให้ผู้ป่วยชาวกรีกกินน้ำแข็งเพราะเชื่อว่า มันช่วยเติมความเบิกบานให้กับชีวิตจากน้ำผลไม้และสุขภาพดีขึ้นได้

จักรพรรดิโรมัน ในยุคจักรพรรดิเนโรห์แห่งอาณาจักรโรมัน พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมแก่เหล่าทหารในกองทัพ ในสมัยนั้นไอศกรีมยังเป็นเพียงหิมะที่เหล่าทาสไปขุดมาจากภูเขา แล้วนำมาผสมกับน้ำผึ้งและผลไม้ ไอศกรีมชนิดนี้ต่อมาได้พัฒนามาเป็น เชอร์เบต ในปัจจุบัน

จีน ประมาณ 200 ปีก่อนคริสตกาล ชาวจีนมีการใช้นมและข้าวผสมกันโดยมีส่วนผสมของหิมะ ด้านบนของภาชนะถูกราดด้วยน้ำเชื่อมและใช้เกลือเพื่อทำให้เกิดจุดเยือกแข็งที่ต่ำกว่า 0°C อีกตำนานบอกว่าเกิดขึ้นราว 4,000 พันปีที่แล้ว เมื่อบรรพบุรุษของจีนได้ค้นพบไอศกรีมโดยนำนมที่เหลือไปหมกไว้ในหิมะเพื่อเก็บไว้wfhนานขึ้น จนนมแข็งตัวกลายเป็นไอศกรีมต้นแบบของโลกในที่สุด

อิตาลี ในศตวรรษที่ 13 มาร์โคโปโล (Marco Polo) นักเดินทางค้าขายและนักสำรวจที่เดินทางจากยุโรปไปยังเอเชียช่วงปี 1271- 1295 ได้นำสูตรไอศกรีมกลับมาจากจีนและพัฒนาต่อจนเป็นไอศกรีมที่ใช้การปั่นให้เย็นจนแข็งหรือที่เรียกว่า เจลาติ (Galati) ทำให้ชาวอิตาลีจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า เหล่าบรรพชนของตนเป็นคนค้นพบไอศกรีมเป็นครั้งแรก

ยุโรป / ฝรั่งเศส ประมาณปี ค.ศ. 1533 ในงานเฉลิมฉลองพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างแคเทอรีน เดอเมดิซี แห่งเวนิสกับกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ของฝรั่งเศส ได้มีการนำของหวานกึ่งแช่แข็ง ซึ่งทำจากครีมข้นหวาน ลักษณะคล้ายไอศกรีมในปัจจุบัน มาเสิร์ฟให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน นับเป็นเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ที่ทำให้คนค่อนโลกรู้จักไอศกรีมเลยก็ว่าได้

อเมริกาเหนือ ไอศกรีมเข้าสู่สหรัฐอเมริการาวต้นศตวรรษที่ 17 (ค.ศ. 1740) โดยอาณานิคมของเควกเกอร์ (Quaker) ได้นำไอศกรีมเข้าไปยังสหรัฐอเมริกา โดยได้นำสูตรไอศกรีมแสนอร่อยของพวกเขาเข้ามาด้วย ส่งผลให้ร้านขายขนมหวานในนิวยอร์กและเมืองอื่นๆ จึงขายไอศกรีมสูตรเฉพาะนี้ตลอดยุคอาณานิคม จนกระทั่งไอศกรีมกลายเป็นของหวานยอดนิยมของอเมริกาเหนือ เป็นขนมหวานชั้นเลิศที่ให้ความสดชื่น และขาดไม่ได้ในงานสังสรรค์

ครั้งแรกในเมืองไทย การทำไอศกรีมเกิดขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 5 หลังจากเสด็จประพาสสิงคโปร์ พ.ศ. 2414 ในยุคก่อนไอศกรีมเป็นของหวานของคนในวังเท่านั้น ต่อมา ไอศกรีมเริ่มแพร่หลายให้คนสามัญชนได้ลิ้มรส เมื่อมีการตั้งโรงงานผลิตน้ำแข็งขึ้นในเมืองไทย ช่วงแรกนั้นยังเป็นสูตรที่ใช้นมและครีมแบบฝรั่ง ทำให้ราคาค่อนข้างแพง มีขายเฉพาะในภัตตาคารใหญ่ๆ เท่านั้น

จนราวปี พ.ศ. 2446 ชาวบ้านทั่วไป เริ่มมีโอกาสซื้อไอศกรีมกินได้ แต่ยังคงเป็นสูตรง่ายๆ คล้ายน้ำเชื่อมที่ปั่นจนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ในเวลาไล่เลี่ยกัน ไอศกรีมอีกชนิดที่ได้รับความนิยมคือ ‘ไอติมหลอด’ เป็นการนำน้ำหวานหลายรสหลากสีสารพัดจะหาได้มาเทใส่พิมพ์โลหะทรงกระบอก แล้วเสียบเรียงกันในถังน้ำแข็งใส่เกลือ หมุนถังไปมาจนน้ำเริ่มแข็งตัว แล้วเสียบไม้

นอกจากนี้ คนไทยยังได้ดัดแปลงไอศกรีมจนกลายเป็นเอกลักษณ์คือ ไอศกรีมกะทิ โดยใช้กะทิสดแทนนมหรือครีม และไม่ต้องใช้กระบอกทำเป็นแท่ง แต่ตักใส่ถ้วยเป็นลูกๆ จึงเป็นที่มาของคำว่า ‘ไอติมตัก’ และพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน

ทุกวันนี้การหาไอศกรีมอร่อยๆ เป็นเรื่องง่ายมาก แต่การทำไอศกรีมโฮมเมดเพื่อสุขภาพที่ดีนั้น ต้องพิถีพิถันในเรื่องวัตถุดิบอยู่สักหน่อย แล้วทำไมไม่ลองทำไอศกรีมเองเลยล่ะ ? Taobaoland ผู้ให้บริการสั่งซื้อสินค้าจากจีน แนะนำ ‘เครื่องทำไอศกรีมโฮมเมด’ สินค้าจากจีน ไซส์มินิ พกพาง่าย มีระบบการทำงานอัตโนมัติ ทำความเย็นภายในตัว และทำง่ายแม้ไม่มีพื้นฐานก็ทำได้ เนรมิตรไอศกรีมตามสไตล์ที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมผลไม้ ไอศกรีมโยเกิร์ต ฯลฯ

ที่มาข้อมูล : https://en.wikipedia.org/wiki/Ice_cream